วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

จะสังเกตุได้ย่างไรว่าลูกแพ้อาหารอะไร ??? แป้งสาลี /ไข่/ นมวัว/ถั่ว




1.สังเกตได้อย่างไรว่าลูกแพ้ เช่น นม แป้ง ไข่ ฯลฯ

ตอบ.... 1. ทางผิวหนัง ในเด็กที่มีอาการแพ้อาหาร อาจเกิดลมพิษ หรือเป็นผื่นคันตามตัว หรือมีบวมทางผิวหนัง หรือในเด็กเล็ก 0-3 เดือน ให้สังเกตอาการจากผดผื่นที่มีมาก แต่ต้องแยกจากผื่นฮอร์โมน ซึ่งในเด็กแรกเกิด ถึง 3 เดือน เด็กอาจจะมีอาการผื่นแพ้ฮอร์โมนได้ แต่ผื่นนี้จะหายไปได้เอง ภายในประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังคลอด แต่จะไม่เกิน 3 เดือน พอร่างกายปรับตัวกับระดับฮอร์โมนได้แล้ว ผื่นนั้นก็จะหายไปเอง ถ้าหลัง 3 เดือนแล้วไม่หายดี ให้นึกถึงการแพ้อาหาร สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบจะสังเกตุได้จากบริเวณจุดที่มีเส้นเลือดรวมกันเยอะๆหน่อย เช่น บริเวณหัวคิ้ว แก้ม ข้อ มือ ข้อพับแขน-ขา

2. ทางระบบทางเดินอาหาร ในเด็กที่มีอาการแพ้อาหาร อาจจะมีคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสียถ่ายเยอะถ่ายบ่อยเป็นมูก หรือมีมูกเลือดปนเนื่องจากผนังลำไส้อักเสบมากจนเป็นแผล มูกที่เห็นคือผนังลำไส้ที่หลุดลอกออกมา ถ้าอักเสบหนักเป็นแผลมากก็จะเห็นเป็นมูกเลือดปนออกมา

3. ทางระบบทางเดินหายใจ เด็กอาจจะแสดงอาการหายใจเร็ว หอบ อาการแพ้อากาศ เด็กบางคนอาจจะมีอาการแพ้อย่างรุนแรงจนถึงขั้นช็อค อาจถึงแก่ชีวิตได้

จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้อะไร????
ถ้าในเด็กโตขึ้นมาหน่อยที่เริ่มรับประทานอาหารเสริมแล้วจะเห็นง่ายว่าแพ้อะไร ก็จากการทดลองตรงๆ คือการให้เด็กเริ่มรับประทานทีละอย่างติดต่อกัน อย่างละ 1 อาทิตย์ ในบางคนที่แพ้สะสมอาการแสดงออกช้า ก็ทาน ติดต่อกัน 2 อาทิตย์ โดยจำกัดตัวแปรดีๆ เช่น เริ่มข้าวบด ก็ให้ทานข้าวบดอย่างเดียว 1 อาทิตย์ ถ้าผ่านข้าวดีแล้วค่อยเริ่มที่ผัก โดยเพิ่มผักทีละอย่าง คือ ทานข้าวบด+ผักกาดขาว 1 อาทิตย์ ถ้าผ่านค่อยเพิ่มผักชนิดอื่น โดยใช้หลักเดียวกัน ถ้าเจอตัวไหนว่าแพ้ ก็ให้หยุดอาหารชนิดนั้นไป ซัก 6 เดือนถึง 1 ปี ค่อยกลับมาลองใหม่อีกครั้ง
****note 1
      อาหารที่ควรให้ด้วยความ ระมัดระวังคือ ไข่ นมวัว แป้งสาลี ถั่วลิสง ถั่วเปลือกแข็ง ปลาและอาหารทะเล ควรให้อาหารเสริมทีละอย่างและครั้งละน้อยๆ
**** note 2
      ไม่ควรให้ไข่ขาวกับเด็กเล็กๆก่อนอายุครบ 7 เดือน ไม่ควรให้อาหารทะเลแก่เด็กเล็กก่อนอายุครบอย่างน้อย9 เดือน
เมื่อลองอาหารทีละอย่าง+การสังเกตุดีๆก็จะทราบได้ว่าเด็กแพ้อะไรบ้าง

อีกกรณีนึงในเด็กเล็กที่ยังไม่เริ่มอาหารเสริม แล้วดื่มนมแม่อย่างเดียว แล้วไม่ทราบว่าลูกแพ้อะไรแน่ แนะนำให้คุณแม่งดอาหารเข้ม งดเข้มหมายถึงอะไร หมายถึงการจำกัดตัวแปรอาหารลง โดยที่ทานข้าวขาว  เนื้อ 1 ชนิด(อาจจะเลือกที่เนื้อไก่หรือเนื้อหมูเพียง 1 อย่าง) ปรุงอาหารแค่เกลือ กับน้ำตาล
ถ้าจำกัดอาหารอยู่แค่นี้แล้วลูกยังแสดงอาการแพ้ที่ชัดเจน ให้เปลี่ยนโปรตีน จาก ไก่--->หมู (ถ้าเริ่มจากหมูแล้วแพ้ให้เปลี่ยนเป็นไก่) ถ้าเปลี่ยนแล้วยังน้องยังแพ้อยู่ ให้งดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ทานข้าวขาวกปรุงแค่เกลือน้ำตาล ถ้ายังแพ้อยู่แสดงว่าอาจจะแพ้ข้าว ให้เปลี่ยนชนิดข้าวแทน คือ อาจจะเปลี่ยนจาก ข้าวเมล็ดสั้น (Short grain)---> ข้าวเมล็ดMedium grain --->หรือ long grain แทนถ้าเปลี่ยนชนิดข้าวแล้วยังแพ้ ก็ให้เปลี่ยนไปทาน มันเทศ มันฝรั่ง---->ถ้าลองทานมันเทศผ่านแล้วลูกไม่มีอาการแพ้ ก็ค่อยเพิ่มผักทีละอย่าง------>เพิ่มโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ให้เลือกมาทีละอย่าง ลองทาน 2 อาทิตย์

*****ปล.ตัวโตๆ การทานแบบงดเข้ม ให้ทานแค่ระยะนึงเท่านั้น ไม่ได้ให้ทานไปแบบนี้ตลอดปี ไม่ต้องกลัวเรื่องขาดสารอาหาร ทานแค่ลูกอาการดีขึ้นหายจากอาการแพ้แล้วค่อยๆเริ่มจับผู้ร้ายทีละตัว ค่ะ
 
และการจะรู้ว่าแพ้อะไรอีกวิธี โดยการ เจาะเลือดเพื่อหา specific IgE ต่อสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ทำ skin test ,patch test



------------------

2.แนะนำเมนูทดแทน ดัดแปลง สำหรับเด็กขี้แพ้

แพ้แป้งสาลี อาจทดแทน ได้โดยใช้ แป้งข้าวเจ้า หรือ ใช้แป้ง mix gluten free มีหลายสูตร หาได้ใน internet เลยค่ะ

แพ้ไข่ อาจจะ ทดแทนโปรตีนจาก หมู ไก่ ปลา หรือ อาจใช้ การทดแทนจากพืช เช่น flax seed

แพ้นมวัว ทดแทนได้โดยการดื่มนมแม่ หรือ นมถั่วเหลือง หรือ นมระดับ extensive hydrolysate เช่น นม  nutramigen , dumex pepti หรือ ระดับ amino acid ซึ่งเป็นนมที่ผ่านการย่อยสลายส่ยโปรตีนให้เล็กลงในระดับสูงสุด เช่น Nutramigen AA กับ Neocate ,Elecare

---------------
3.วิธีสังเกต อ่านฉลาก ว่าไม่มีของต้องห้าม

ฉลากไทย ไว้ใจไม่ได้ค่ะ บอกส่วนผสม ไม่ครบ 100% ถึงครบ100 % ก็ต้องโทรถามที่ผู้ผลิตอีกที เพราะมีส่วนผสมแอบแฝงที่บอกไม่หมด
ถ้าเป็นฉลากของต่างประเทศจะบอกถึง allergen list อย่างชัดเจนค่ะ
ตัวอย่าง การดู label
อันนี้คำเหล่านี้จะหมายถึงการมี peanut เป็นส่วนประกอบ และ/หรืออาจจะมี ถ้าเห็นคำเหล่านี้ต้องเลี่ยงและงดค่ะ
http://www.kidswithfoodallergies.org/docs/Peanut_Allergy_Avoidance_List.pdf

อันนี้จะเป็นคำที่แสดงเกี่ยวกับส่วนประกอบที่ไข่ นมวัว แป้งสาลี ถั่วเหลือง ถั่วเปลือกแข็ง ลองไล่ดูตาม list จาก links ได้เลยค่ะ

http://www.kidswithfoodallergies.org/resourcetopic.php?topic=food-allergens

-------------------
4.ทำอย่างไร ไม่ให้คนอื่นให้ของที่แพ้กับลูก

โดยส่วนตัวเราสอนลูก กรอกหูเค้าตั้งแต่เล็กๆ ที่เริ่มจำความได้ พอดีรู้เร็วว่าลูกแพ้อาหาร สอนเค้าว่าเค้าแพ้อะไร ทานอะไรได้บ้าง จะทานอะไรต้องถามคุณแม่คุณพ่อก่อนเสมอ ไม่รับของของคนอื่น ถึงแม้โดนยัดเยียดของคนก็ไม่รับประทาน ให้ถามคุณพ่อคุณแม่ก่อน และพอดีลูกแพ้แบบ anaphylaxis แพ้แบบรุนแรง ปกติจะทำ เทสต์ด้วยวิธี ทำ skin test +เจาะเลือด เพื่อหา ระดับการแพ้ IgE อยู่แล้ว ลูกจะเห็นเองด้วยตัวเค้าเองว่า พอทำ skin test ไปเกิดผื่นบวม ยังไง ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเอง เค้าก็เลยจำได้ มีบางทีก็รูปเด็กอื่นที่แสดงอาการแพ้ ให้ลูกดูบ้าง เค้าเรียนรู้ที่จะไม่รับของคนอื่น
 
     ทำป้ายแพ้อาหาร แพ้อะไรบ้าง วิธีแก้ไข เบอร์โทรฉุกเฉิน ติดที่หน้าอกเสื้อลูก แจ้งครูประจำชั้น แจ้งคนที่เกี่ยวข้อง

------------------

5.งดของที่แพ้แล้ว นานเท่าไรถึงกลับมาเริ่ม หรือลองกินใหม่ เทคนิคการเริ่ม ปริมาณเท่าไร สังเกตอย่างไร ระยะเวลา

การงดของที่แพ้แล้วนานมั๊ยกว่าจะกลับมาเริ่มลองกินใหม่ ????

โดยส่วนตัวถ้าลูกแพ้ไม่ได้รุนแรงมาก อาจจะเริ่มหลังจากงดตัวที่แพ้ไปแล้ว 6 เดือน ถึง 1 ปี ค่อยกลับมาลองกินใหม่ แต่ ในเด็กที่แพ้แบบรุนแรง แพ้แบบ ช็อค จะต้องกลับมาทดลองกินภายใต้การดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิด โดยจะต้องมีการตรวจร่างกาย การทำเทสต์ต่างๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น การเจาะเลือดเพื่อดูระดับการแพ้ว่าลดลงไหม การทำ skin test การทำ patch test  การทดลองกิน เช่นถ้าแพ้ไข่ --->ก็อาจจะเริ่มจากไข่แดงก่อน โดยจะเริ่มครั้ง 1/8 ฟอง ซัก 3-4 วัน ดูว่าถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไร ก็จะเพิ่มเป็นอีก 1/4 ฟอง อีก 3-4 วัน แล้วค่อยๆเพิ่มปริมาณ พร้อมกับสังเกตุอาการผิดปกติ

แพ้นมวัว ก็หลังจากงดไปได้นานและงดเข้มจริงจัง และพร้อมที่จะลองทดสอบนมวัว ให้เริ่มจาก นมที่เป็นนมวัว ล้วนๆ ไม่ผสมปรุงแต่งรสใดๆ เช่น นมจิตรดา นมวัวแดง ทานอาจจะเริ่มจากปริมาณ 1/4 ถ้วย(60 cc) หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ลองทาน 3-4 วัน ไม่มีอาการผิดปกติ ก็อาจจะเพิ่มปริมาณขึ้นทีละนิด แล้วทดลองกิน 3-4 วัน สังเกตุอาการผิดปกติ แต่ในบางราย อาจจะทานได้นานเป็น เดือนหรือ สองเดือน ไม่แสดงอาการแพ้ แต่ไปแสดงอาการในเดือนที่ 3 หรือ 4 ก็ได้ ต้องหมั่นสังเกตุอาการลูกดีๆค่ะ

--------------------------

*******เมื่อทราบแน่ชัดแล้วว่าเด็กแพ้อาหารชนิดใด ข้อควรปฏิบัติที่จำเป็นที่สุดคือการงด หรือหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้นโดยเด็ดขาด เมื่องดได้เข้มดี ได้นานพอ โดยไม่ถูกกระตุ้น จะหายได้เร็วค่